วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

พระสีวลี..อรหันต์มหาลาภ..

พระสีวลีเถระ
เอตทัคคะในทางผู้มีลาภมาก
พระสีวลี..เสด็จประทับ ณ วัดโพธิญาณลาสเวกัส
อัญเชิญมาถึงเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๑๔.๒๙ น.
 พระสีวลี เป็นโอรสของพระนางสุปปวาสา ราชธิดาแห่งโกลิยนคร ตั้งแต่ท่านจุติลงถือปฏิสนธิในครรภ์ของพระมารดาได้ทำให้ลาภสักการะเกิดขึ้นแก่พระมารดาเป็นอันมาก ท่านอาศัยอยู่ในครรภ์ของพระมารดานานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน..
ประหนึ่งดวงประทีปแห่งเอเชีย
จากดินแดนสุวรรณภูมิ..สู่สหรัฐอเมริกา
ใช้เวลานับ ๓ เดือน
 ครั้นเมื่อใกล้เวลาจะประสูติ พระมารดาได้รับทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า พระนางจึงขอให้พระสวามีไปกราบบังคมทูลขอพร จากพระบรมศาสดาและพระพุทธองค์ตรัสประทานพรแก่พระนางว่า:-
“ขอพระนางสุปปวาสา พระราชธิดาแห่งพระเจ้ากรุงโกลิยะ จงเป็นหญิงมีความสุข ปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระราชโอรสผู้หาโรคมิได้เถิด”
 
ปลาบปลื้มปีติ
คุณแว่น "ณัฐวรรษา เลอเวค"
เจ้าภาพผู้มีจิตเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา..มีกุศลศรัทธา..
สร้างองค์พระอสีติมหาสาวก..พระสีวลี   ถวายวัดโพธิญาณ
ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธานุภาพ ทุกขเวทนาของพระนางก็อันตรธานไป พระนางประสูติพระราชโอรสอย่างง่ายดาย ดุจน้ำไหลออกจากหม้อ พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานพระนาม
พระราชโอรสของพระนางสุปปวาสาว่า “สีวลีกุมาร”
พระสีวลี..พระมหาสาวกผู้บันดาลโชคลาภ..
เมื่อพระนางมีพระวรกายแข็งแรงดีแล้ว มีพระประสงค์ที่จะถวายมหาทานติดต่อกันเป็นเวลา ๗ วัน จึงแจ้งความประสงค์แก่พระสวามีให้กราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ มารับมหาทานอาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวสน์ตลอด ๗ วัน ในวันถวายมหาทานนั้น สีวลีกุมาร มีพระวรกายเข้มแข็งดุจกุมารผู้มีพระชนม์ ๗ พรรษา ได้ช่วยพระบิดาและพระมารดาจัดแจงกิจต่าง ๆ มีการนำธมกรก (ธะมะกะหรก = กระบอกกรองน้ำ) มากรองน้ำดื่มและอังคาสพระบรมศาสดาและหมู่พระภิกษุสงฆ์ ในขณะที่ สีวลีกุมาร ช่วยพระบิดาและพระมารดาอยู่นั้น
ปฏิมากรรม..ธุดงค์ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์..
นัยว่าผู้เคารพกราบไว้จะโชคดี..ลาภมา..เจรจาค้าขายคล่อง..
 ท่านพระสารีบุตรเถระได้สังเกตดูอยู่ตลอดเวลา และเกิดความรู้สึกพอใจในพระราชกุมารน้อยเป็นอย่างมาก ครั้นถึงวันที่ ๗ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย พระเถระได้สนทนากับสีวลีกุมารแล้วชักชวนให้มาบวช สีวลีกุมาร ผู้มีจิตน้อมไปในการบวชอยู่แล้ว เมื่อพระเถระชักชวน จึงกราบทูลขออนุญาตจากพระบิดาและพระมารดา เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงติดตามพระเถระไปยังพระอาราม
                                  อาราธนาอัญเชิญสู่อารามบุญ..ด้วยจิตที่เปี่ยมสุขโสมนัส
พระสารีบุตรเถระผู้รับภาระเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้สอนพระกรรมฐานเบื้องต้นคือตจปัญจกกรรมฐานทั้ง ๕ ได้แก่เกสา(ผม) โลมา(ขน) นขา(เล็บ) ทันตา(ฟัน) ตโจ (หนัง)  ให้พิจารณาของ
ทั้ง ๕ เหล่านี้ว่าเป็นของไม่งามเป็นของสกปรกไม่ควรเข้าไปยึดติดหลงใหลในสิ่งเหล่านี้ สีวลีกุมารได้สดับพระกรรมฐานนั้นแล้วนำไปพิจารณาในขณะที่กำลังจรดมีดโกนเพื่อโกนผม ครั้งแรกนั้นท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน จรดมีดโกนลงครั้งที่ ๒ ท่านได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี จรดมีดโกนลงครั้งที่ ๓ ท่านได้บรรลุเป็นพระอนาคามีและเมื่อโกนผมเสร็จ ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
รอรับโชคชัย..สมดั่งใจในชีวิต..
เมื่อท่านอุปสมบทแล้วปรากฏว่าท่านเป็นพุทธสาวกที่มีลาภสักการะมากมาย ด้วยอำนาจบุญบารมีของท่านที่สั่งสมมา ลาภสักการะเหล่านี้ได้เผื่อแผ่ไปยังพระสงฆ์สาวกท่านอื่น ๆด้วย แม้พระบรมศาสดาเมื่อทรงพาหมู่ภิกษุสงฆ์เสด็จทางไกลกันดาร ถ้ามีพระสีวลีร่วมเดินทางไปด้วย ความขาดแคลนอาหารและที่พักอาศัยในระหว่างทางก็จะไม่เกิดขึ้นแก่หมู่ภิกษุสงฆ์เลย ดังเช่นตัวอย่างครั้งที่พระพุทธองค์และหมู่ภิกษุสงฆ์อาศัยบุญของท่านพระสีวลี
ประตูแห่งโชคลาภ
  เมื่อสมัยหนึ่ง..พระบรมศาสดาเสด็จพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์จำนวน ๕๐๐ รูปไปเยี่ยมพระเรวตะผู้เป็นน้องชายของพระสารีบุตรเถระ ซึ่งจำพรรษาอยู่ ณ ป่าไม้ตะเคียน เมื่อเสด็จมาถึงทาง ๒ แพร่ง พระอานนท์เถระได้กราบทูลสภาพหนทางว่า.....
สู่ห้องพระโพธิญาณ..
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเสด็จไปทางอ้อมระยะทางไกล ๖๐ โยชน์ มีประชาชนอยู่อาศัยมาก พระภิกษุไม่ลำบากด้วยภิกขาจาร แต่ถ้าเสด็จไปทางลัดระยะทางประมาณ ๓๐ โยชน์ ไม่มีประชาชนอยู่อาศัย มีสภาพเป็นป่าใหญ่ มีแต่อมนุษย์อยู่อาศัย พระภิกษุสงฆ์จะลำบากด้วยภัตตาหาร"
ช่วยกันอาราธนาอัญเชิญสถิตย์ประดิษฐาน
พระพุทธองค์ ตรัสถามว่า:-
“ดูก่อนอานนท์ พระสีวลีมากับเราด้วยหรือไม่?”
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระสีวลีมากับเราด้วย พระเจ้าข้า”
พระพุทธองค์ ตรัสว่า:-
“ดูก่อนอานนท์ ถ้าอย่างนั้นก็จงไปทางลัดไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวลด้วยอาหารบิณฑบาต เพราะเทวดาทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ในป่าระหว่างทาง จะจัดสถานที่พักและอาหารบิณฑบาตไว้ถวายพระสีวลีผู้เป็นที่เคารพนับถือของพวกตน เราทั้งหลายก็จะได้อาศัยบุญของพระสีวลีนั้นด้วย”
คณะอุบาสก-อุบาสิกา ถวายสักการะอาราธนาประจำวัดโพธิญาณ
            เพื่อบันดาลโชคลาภและเป็นศูนย์รวมศรัทธาของพุทธศาสนิกชนของชาวลาสเวกัส
ด้วยอำนาจบุญที่ท่านพระสีวลีได้บำเพ็ญสั่งสมอบรมมาตั้งแต่อดีตชาติ เป็นปัจจัยส่งผลให้ท่านเจริญด้วยลาภสักการะโดยมีเทพยาดา นาค ครุฑและมนุษย์ทั้งหลายนำลาภสักการะมาถวายโดยมิขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าท่านจะอยู่ ณ ที่ใด ๆในป่า ในบ้าน ในน้ำ หรือบนบก เป็นต้น
ประดิษฐานสง่างาม..
ใครได้บูชาท่านว่าปราถนาสิ่งใดได้สิ่งนั้น
"กินไม่หมด  อดไม่มี เป็นที่ติดตาต้องใจมหาชน"
ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงทรงประกาศให้ปรากฏในหมู่พุทธบริษัทตรัสยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทาง"ผู้มีลาภมาก"
 
คุณแว่นและน้องท็อดลูกชาย
ด้วยกุศลเจตนา
สร้างพระถวายบูชาเพื่อความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระพุทธศาสนาสืบไป
นับว่าท่านพระสีวลีเถระเป็นพระมหาสาวกอีกรูปหนึ่งที่ได้ช่วยกิจการพระศาสนา แบ่งเบาภาระของพระบรมศาสดาเป็นอย่างมาก ท่านดำรงอายุสังขารโดยสมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับ
ขันธปรินิพพาน..
ดังนั้นท่านผู้ใดมีใจศรัทธาได้สร้างรูปท่านพระสีวลีไว้และได้รำลึกนึกถึงเคารพกราบไหว้สักการะบูชา ก็จะได้ผลานิสงส์ผลบุญเป็นเอนกอนันต์ จะเป็นผู้มีความสุขในชีวิตและเป็นผู้มีโชคลาภตลอดไป..
ขออนุโมทนาบุญกับน้องแว่น "ณัฐวรรษา  เลอเวค(Levesque)"..ผู้เป็นเจ้าภาพ
ขอให้ประสบแต่สิ่งอันเป็นมิ่งมงคล..สมบูรณ์พูนผลด้วยลาภยศสรรเสริญ
เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดกาลนาน เทอญฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น